Oligio ยกกระชับคืออะไร ? ลดไขมัน ได้อย่างไร ? สร้างงานผิวได้ยังไง ?
ในยุคที่ทั้งผู้หญิง ผู้ชายแทบทุกคน สวยหล่อ ครบจบเสร็จพร้อมตั้งแต่หัวจรดเท้า และหันมาดูแลตัวเองอย่างเต็มที่ เพื่อให้ดูดีในแบบที่เป็นตัวเอง ในแบบที่ตัวเองชอบ ไม่ว่าจะเป็น มีสีผิวที่พึงพอใจ มีรูปร่างที่พึงพอใจ มีทรงผมที่พึงพอใจ รวมไปจนถึงมีใบหน้าที่พึงพอใจ บางคนอาจจะทำศัลยกรรมเพื่อให้มีรูปหน้าในแบบที่ตัวเองต้องการ หรือใครที่กลัวการผ่าตัดอาจจะเลือกเครื่องยกกระชับที่มีความเหมาะสมกับตัวเองที่สุด เพื่อให้ได้ใบหน้าที่สวยงามในแบบที่พอดีตามต้องการ
ในท้องตลาดแวดวงความงามมีเครื่องยกกระชับมากมาย ทั้ง ยกกระชับ ลดไขมัน ยกกระชับผิวหน้า ยกกระชับผิวหนัง หรือยกกระชับกล้ามเนื้อ ทุกโปรแกรมยกกระชับจะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจทำโปรแกรมยกระชับสามารถแจ้งความต้องการ และแจ้งปัญหาให้แพทย์ทราบเบื้องต้น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามต้องการ
Oligio โปรแกรมยกกระชับตัวใหม่ล่าสุดในท้องตลาด เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีที่สามารถยกกระชับ ปรับใบหน้าให้เรียวสวยสมใจ โดยที่ไม่เจ็บและไม่แม้แต่จะต้องทายาชาในระหว่างหรือก่อนทำด้วย
Oligio เป็นโปรแกรมยกกระชับจากบริษัท Wontech บริษัทเครื่องมือการแพทย์และความงามจากประเทศเกาหลีใต้ ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานทั้งในไทย ยุโรป และ อเมริกา จึงมีความปลอดภัยในการทำการรักษา
Oligio ใช้นวัตกรรมคลื่น RFความถี่ 6.78 MHz ในการช่วยยกกระชับแต่เป็นการพัฒนาให้มีความสบายในระหว่างทำมากยิ่งขึ้น มีความเจ็บในระหว่างทำที่น้อยลง เหมาะสำหรับผู้ที่กลัวเจ็บ หรือกลัวกระแสคลื่นต่าง ๆ ในระหว่างทำ
การทำงานของ Oligio
Oligio เป็นการใช้เทคโนโลยีคลื่นความถี่สูง 6.78 MHz ที่สามารถปรับได้ 3 โหมด คือ โหมดเดี่ยว โหมดคู่ และโหมดอัตโนมัติ ยิงลงลึกสู่ชั้นผิว 3 mm. ซึ่งเป็นชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมัน (Fat) ในการช่วยยกกระชับผิวหน้า โดยการใช้ความร้อนจากหัว Tips ที่มีลักษณะเป็นหัวเข็ม F4.0 ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และสามารถปรับโหมดการยิงแบบอัตโนมัติได้ ทำให้การยิงพลังงาน ในการส่งกระแสคลื่นลงไปสู่ชั้นผิวหนังมีความสม่ำเสมอ แม่นยำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสังเคราะห์คอลลาเจนที่อยู่ใต้ผิว ให้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่อย่างเป็นระเบียบ และเพิ่มปริมาณที่มากขึ้น ส่งผลให้ผิวหน้าหลังได้ทำดีขึ้น ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น และความหนาแน่นให้กับผิว ลดไขมัน ทำให้ชั้นไขมันมีขนาดที่บางลง
ที่สำคัญยังสามารถช่วยในการลดการเกิดปัญหาอันไม่พึงประสงค์ในขณะที่ทำการรักษา Oligio เนื่องจาก Oligio มีการตรวจสอบอุณหภูมิของผิว และระบบตรวจจับแรงกดอย่างแม่นยำในตัว มีระบบทำความเย็นอัจฉริยะ ที่ช่วยปล่อยลมออกมาในระหว่างทำอย่างอัตโนมัติ และยังมีช่องระบายความร้อนที่สามารถกำหนดเองได้ในคนไข้แต่ละราย จึงทำให้ช่วยลดอัตราความเสี่ยงในการสะสมค่าพลังงานความร้อนที่อยู่ใต้ผิวที่สะสมอยู่มากจนเกินไปในชั้นผิว ส่งผลให้ลดโอกาสในการเกิดการเผาไหม้ (Burn) ของผิว และไม่ทำให้ผิวไหม้ หรือมีตุ่มพอง หนอง เป็นต้น
เทคนิคเฉพาะตัวของ Oligio Fast Moving Technique
เป็นเทคนิคที่ออกแบบมาสำหรับการรักษาโดย Oligio เท่านั้น โดย Fast Moving Technique เป็นเทคนิคที่ทำให้การรักษามีความเสถียรมากขึ้น เนื่องจากพลังงานที่ลงสู่ชั้นผิวโดย Oligio นั้นจะลงสู่ชั้นผิวที่เท่ากัน อย่างแม่นยำ ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า ลดการเบิร์นหรือการเผาไหม้ของผิวหนังในระหว่างทำ จึงทำให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจมากกว่า โดยแพทย์ทุกท่านของรมย์รวินท์ได้รับการเทรนด์ Fast Moving Technique มาเป็นอย่างดี ทั้งภาคทฤษฏีและปฏิบัติจึงสามารถเชื่อถือได้ว่า หากเข้ามาบรับบริการ Oligio Fast Moving Technique ที่รมย์รวินท์คลินิกจะสามารถให้การรักษาที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยอย่างแน่นอน
จุดเด่นของ Oligio
Minimize Pain
Oligio มีระบบ Vibration ในตัวจึงทำให้ช่วยลดและบรรเทาความเจ็บในปวดขณะคนไข้ทำการรักษาอยู่ รวมถึงยังมีระบบ Cooling system ซึ่งเป็นตัวช่วยในการปกป้องผิวชั้นนอกจากความร้อนของคลื่น Monopolar RF ทั้งยังช่วยส่งพลังงานความถี่สูงไปยังผิวชั้นลึก ส่งผลให้หลังทำการรักษาไม่จำเป็นต้องรับการพักฟื้น จึงทำให้สามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้ปกติเลยในทันที
Faster Treatment
Oligio มีฟังชันก์ Auto ในการทำงาน จึงมีความแม่นยำ และปลอดภัย แม่นยำในขณะทำการรักษา นอกจากนี้ขนาดของ Face Tip ยังมีขนาดกว้างถึง 4 ซม. ช่วยประหยัดเวลาในการทำมากขึ้น แต่ให้ผลลัพธ์ดีเหมือนเดิม
Oligio มีหัว Tip 600 Shots ใช้เวลาในการทำเพียง 20-30 นาที และ หัว Tip 300 shots ใช้เวลาในการทำเพียง 10-15 นาทีเท่านั้น
Safe Treatment
Oligio มีระบบ Real-Time temperature Monitoring ที่ช่วยในการวัดอุณหภูมิของผิวหนังแบบ real-time ตามจริง เมื่ออุณหภูมิของผิวหนังสูงขึ้นมากกว่า 43 องศา จะทำให้เครื่องหยุดการทำงานทันที จึงเป็นการช่วยลดความเสี่ยงของการเผาไหม้ของบริเวณผิวหนัง รวมถึงยังมีระบบ Pressure Sensing ที่ช่วยตรวจสอบแรงกดระหว่างหัว Tip และผิวหนัง จึงเป็นการลดความเสี่ยงที่จะเกิดผิวไหม้ อันเนื่องมาจากการที่หัว Tip ไม่แนบกับผิวในระหว่างการรักษา
Convenience
Oligio มีระบบ Treatment ทั้งหมด 3 โหมด ได้แก่ Single / Double / Auto ซึ่งแพทย์ หรือผู้ชำนาญการสามารถปรับใช้ได้ตามความสะดวก
ฉีดฟิลเลอร์ขมับ ฟิลเลอร์ขมับ เลเซอร์บิกินี่ Thermage FLX BLUE Tip Thermage FLX Ultraformer III UltraformeLong-Lasting Effet
Oligio กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอิลาสตินใต้ชั้นผิว จึงทำให้คงสภาพผลลัพธ์ได้นานถึง 6 เดือน – 1 ปี
Oligio ใช้ระยะเวลานานเท่าไรจึงจะเห็นผลลัพธ์ในการทำ ?
ผู้เข้ารับการรักษาด้วย Oligio จะสามารถเห็นผลการยกกระชับ ลดไขมัน ได้ทันที หลังจากทำเสร็จในครั้งแรก เนื่องจากหลังทำคอลลาเจนจะเกิดการหดตัวลง ประมาณ 20-30% จากนั้นผิวหนังจะเกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่บริเวณใต้ผิว ผิวจะค่อย ๆ ฟื้นฟู และจะเห็นผลเต็มที่หลังการรักษาในเวลาประมาณ 3-6 เดือน
ควรเว้นระยะเวลาในการทำ Oligio นานเท่าไร ?
สามารถทำ Oligio ได้ทุก ๆ 6 เดือน เพื่อให้ผลลัพธ์ในการยกกระชับคงสภาพได้ดีที่สุด รวมทั้งยังลดไขมัน ที่เกิดการสะสมขึ้นมาใหม่ ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ และแจ้งรายละเอียดในการรักษาโดยละเอียดเพื่อความปลอดภัย
ทำ Oligio ควรทำตั้งแต่อายุเท่าไร ?
สามารถทำ Oligio ได้ตั้งแต่ผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป เพื่อป้องกันใบหน้าหย่อนคล้อยในอนาคต และในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป จะเป็นการทำเพื่อยกกระชับใบหน้าที่หย่อนคล้อยลงตามวัย ลดไขมันที่สะสมบริเวณใบหน้า และสามารถทำได้โดยไม่จำกัดเพศ
Oligio สามารถทำบริเวณใดได้บ้าง?
- Oligio สามารถทำบริเวณ “รอบดวงตา” ได้
- Oligio สามารถทำบริเวณ “ทั่วผิวหน้า” ได้
- Oligio สามารถทำบริเวณ “กรอบหน้า” ได้
- Oligio สามารถทำบริเวณ “ใต้คาง หรือเหนียง” ได้
- Oligio สามารถทำบริเวณ “ลำคอ” ได้
- Oligio สามารถทำบริเวณ “หน้าท้อง” ได้
- Oligio สามารถทำบริเวณ “ต้นแขน” ได้
ข้อดีของ Oligio ในการยกกระชับใบหน้าคือ ?
- Oligio จะช่วยยกกระชับผิวที่มีความหย่อนคล้อยอันเนื่องมาจากการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว
- Oligio จะช่วยกระตุ้นการสร้าง และจัดเรียงตัวใหม่ของ collagen ใต้ผิวหนัง
- Oligio จะช่วยเพิ่มคุณภาพของ collagen ให้มีคุณภาพที่ดี
- Oligio จะช่วยลดไขมันส่วนเกินบนใบหน้าที่สะสมอยู่ใต้ผิว ลดแก้มและลดเหนียง ช่วยปรับให้ใบหน้ามีความเรียว เล็ก เข้ารูป กรอบหน้าคมชัดมากขึ้น
- Oligio จะช่วยเพิ่มคอลลาเจนและอีลาสติน ใต้ชั้นผิวทำให้ผิวหนาขึ้นและผิวมีความแข็งแรงขึ้นมากขึ้น
- Oligio จะช่วยฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพให้กลับมายืดหยุ่นอีกครั้ง
- Oligio จะช่วยชะลอความเสื่อมสภาพของผิว
- Oligio จะช่วยทำให้ผิวที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่น และมีความหย่อนคล้อย กลับมาเรียบตึงอีกครั้ง
- Oligio จะช่วยลดขนาดรูขุมขนที่มีความกว้างให้เล็กและกระชับขึ้น
- Oligio จะช่วยทำให้ผิวเรียบเนียน และลดริ้วรอยบนใบหน้า
Oligio เหมาะกับใคร ?
- Oligio เหมาะกับผู้ที่ ต้องการยกกระชับ ใบหน้ามีความหย่อนคล้อย ไม่กระชับ
- Oligio เหมาะกับผู้ที่ มีปัญหากรอบหน้าไม่ชัด มีไขมันสะสมบนใบหน้า ต้องการลดไขมัน
- Oligio เหมาะกับผู้ที่ มีปัญหา ร่องแก้มลึก มีร่องน้ำหมาก และริ้วรอยต่าง ๆ
- Oligio เหมาะกับผู้ที่ มีปัญหาเนื้อแก้มเยอะ ทำให้หน้าดูบาน ใหญ่ ที่ต้องการลดไขมัน
- Oligio เหมาะกับผู้ที่ อยากให้ใบหน้าเข้ารูป v shape ดูเล็กลง
- Oligio เหมาะกับผู้ที่ มีปัญหาเหนียง
- Oligio เหมาะกับผู้ที่ มีปัญหาเปลือกตาเริ่มตก หนังตาตก ต้องการยกคิ้ว ต้องการกระชับ
- Oligio เหมาะกับผู้ที่ มีมุมปากตก
- Oligio เหมาะกับผู้ที่ คอลลาเจนบนใบหน้าเริ่มลดลงตามวัย และต้องการเพิ่มปริมาณคอลลาเจน
- Oligio เหมาะกับผู้ที่ มีปัญหารูขุมขนกว้างที่ต้องการกระชับรูขุมขนให้มีขนาดเล็กลง
- Oligio เหมาะกับผู้ที่ ต้องการชะลอการเกิดความหย่อนคล้อยของผิวในอนาคต
- Oligio เหมาะกับผู้ที่ ผู้ที่มีลำคอเหี่ยวย่นตามวัย
- Oligio เหมาะกับผู้ที่ มีหน้าท้องเหี่ยวย่น
Oligio ไม่เหมาะกับใคร ?
- Oligio ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีการฝังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในร่างกาย
- Oligio ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีการฝังน็อต หรือ สกรู ที่บริเวณกะโหลก (Bioabsorbable) หรือรากฟันเทียม
- Oligio ไม่เหมาะกับ ผู้ที่เป็นโรคผิวหนังบางชนิด และยังอยู่ในกระบวนการรักษาบาดแผล
- Oligio ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีการติดเชื้อบางชนิด ที่บริเวณผิวหนังที่ต้องการทำการรักษา
- Oligio ไม่เหมาะกับ ผู้ที่อยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร
- Oligio ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีโรคประจำตัว อาทิ โรคเบาหวาน โรคลมบ้าหมู โรคเกี่ยวกับเลือด รวมทั้งโรคที่ส่งผลต่อระบบการแข็งตัวของเลือด
- Oligio ไม่เหมาะกับ ผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคแพ้ภูมิตัวเอง รวมทั้งผู้ที่อยู่ในระหว่างการรับประทานยาต้านการอักเสบของผิวหนังทุกวัน
- Oligio ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีแผลเปิด ในบริเวณที่ต้องการทำการรักษา
- Oligio ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีการติดเชื้อไวรัสเริม และยังมีอาการอักเสบอยู่
- Oligio ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีประวัติการรักษาโรคด้วย โปรแกรมยับยั้งกล้ามเนื้อ หรือฉีดฟิลเลอร์ในระยะเวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์
- Oligio ไม่เหมาะกับ ผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายผิวหนัง หรือปลูกถ่ายไขมันในบริเวณที่ทำการรักษาไม่เกิน 6 เดือน
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการรักษาด้วย Oligio
- ก่อนทำ Oligio ควรดื่มน้ำให้มาก ๆ เพื่อเตรียมผิว
- ก่อนทำ Oligio ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อพร้อมต่อการเข้ารับการรักษา
- ก่อนทำ Oligio ควรหลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดโดยตรง และใช้ครีมกันแดดที่มี SPF สูงเมื่อออกนอกบ้าน
- ก่อนทำ Oligio ควรเตรียมพร้อมร่างกายให้สุขภาพดี เพื่อพร้อมต่อการเสริมสร้างคอลลาเจน
ขั้นตอนการทำการรักษาด้วย Oligio
- ผู้ช่วยแพทย์จะทำการรวบผม เก็บผมให้คนไข้ให้เรียบร้อย
- ผู้ช่วยแพทย์จะทำความสะอาดใบหน้าคนไข้ให้สะอาด ปราศจากเครื่องสำอาง และความมัน เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนทำการรักษา
- ผู้ช่วยแพทย์ทำการแปะแผ่นสื่อที่แผ่นหลัง เพื่อเป็นสื่อในการทำการรักษา
- แพทย์ทำการทาเจลเย็นลงบนผิวบริเวณที่ต้องการทำการรักษา
- แพทย์ใช้ Oligio ในการแก้ปัญหาทั่วใบหน้าจนครบจำนวน Shot ผู้ช่วยแพทย์ทำความสะอาดใบหน้า เป็นอันเสร็จการรักษา
การดูแลตัวหลังทำการรักษาด้วย Oligio
- หลังทำ Oligio ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดด และความร้อนโดยตรง เนื่องจากผิวบริเวณที่ทำการรักษาจะมีความบอบบางและแพ้ง่ายอยู่
- หลังทำ Oligio ควรงดการทำเลเซอร์ อบซาวน่า หลังทำการรักษา 1 สัปดาห์ เพื่อให้ผิวได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มที่
- หลังทำ Oligio ควรทาครีมกันแดด SPF 50 +++ ขึ้นไป เนื่องจากผิวยังมีความบอบบาง
- หลังทำ Oligio ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ เพื่อป้องกันอาการอักเสบของผิว
ความรู้สึกระหว่างทำ Oligio
ระหว่างทำ Oligio จะมีความรู้สึกร้อนในผิวบริเวณที่ทำการรักษาเพียงเล็กน้อย จะเป็นความรู้สึกร้อนสลับกันกับความเย็นจากการทำงานของหัว Tip และความร้อนจะไม่ได้ร้อนจนเกิดอันตราย และ Oligio ไม่จำเป็นจะต้องทายาชาก่อนทำการรักษา
Q&A รวบรวมคำถามเกี่ยวกับ Oligio
1. Oligio สามารถเห็นผลได้นานเท่าไร ?
- หลังทำ Oligio สามารถคงสภาพผลลัพธ์หลังทำได้นาน 6 เดือน – 1 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลของแต่ละบุคคล
2. การทำ Oligio มีความอันตรายหรือไม่ ?
- Oligio เป็นโปรแกรมที่ไม่มีอันตราย เนื่องจากมีระบบ AI ควบคุมการทำงาน ทำให้สามารถจ่ายพลังงานคลื่น Monopolar RF ในการรักษาได้อย่างสม่ำเสมอ มีการป้องกันความเจ็บด้วยระบบสั่น และระบบทำความเย็น ทั้ง Oligio ยังเป็นโปรแกรมที่ได้รับการผ่านการรับรองมาตรฐานทั้งในไทย ยุโรป และ อเมริกา
3. Oligio ต้องทำกี่ครั้งจึงจะเห็นผล ?
- Oligio เป็นโปรแกรมที่เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ โดยสามารถทำการยกกระชับได้ในทันที และจะเห็นผลเต็มที่ใน 3-6 เดือนหลังจากการรักษา
4. Oligio ต้องทำบ่อยแค่ไหน ?
- สามารถทำ Oligio ได้ตั้งแต่หลังทำการรักษาไปครบ 6 เดือน เพื่อคงสภาพผลลัพธ์ในการยกกระชับและ ลดไขมัน ที่ดีที่สุด
5. Oligio ต่างจาก Ultrafomer III อย่างไร ?
-
- Oligio ใช้คลื่น Monopolar RF ในการรักษาจะทำงานบริเวณผิวหนังชั้นหนังแท้ และชั้นไขมันใต้ชั้นผิว เหมาะกับผู้ที่มีไขมันสะสมใต้ผิว มีแก้ม เหนียง คาง 2 ชั้น ต้องการลดไขมัน และต้องการให้ผิวแน่นกระชับ กรอบหน้าไม่ชัด มีริ้วรอยรอบดวงตา
- Ultrafomer III ใช้คลื่น Macro and Micro Focused Ultrasound (MMFU) จะสามารถปล่อยพลังงานได้ถึงชั้น SMAS เหมาะสำหรับ ผู้ที่ผิวหย่อนคล้อย ร่องแก้มชัด มีถุงใต้ตา ริ้วรอย มุมปากตก คิ้วตก แก้มหย่อน
จะเห็นได้ว่ามีความแตกต่างกันที่คลื่นพลังงานที่ใช้ในการยิงความร้อนลงชั้นผิวหนัง จึงทำให้คลื่นความร้อนในการยิงลงสู่ชั้นผิวหนังในชั้นที่แตกต่างกัน และเหมาะกับการแก้ปัญหากันคนละแบบ สามารถทำการรักษาร่วมกันได้ เพื่อให้ได้รับผลลัพธ์ในการยกกระชับที่ดีมากขึ้น นอกจากนี้ ทั้งสองเครื่องยังสามารถใช้แก้ปัญหากันได้คนละปัญหา หากทำการรักษาร่วมกัน จะได้ผลลัพธ์ที่ครอบคลุมทั่วทุกบริเวณมากขึ้น
6. Oligio ต่างจาก Thermage FLX อย่างไร ?
- Oligio ใช้คลื่น Monopolar RF ในการรักษา จะทำงานบริเวณผิวหนังชั้นหนังแท้ และชั้นไขมันใต้ชั้นผิว เหมาะกับผู้ที่มีไขมันสะสมใต้ผิว มีแก้ม เหนียง คาง 2 ชั้น ต้องการลดไขมัน และต้องการให้ผิวแน่นกระชับ กรอบหน้าไม่ชัด มีริ้วรอยรอบดวงตา
- Thermage FLX ใช้คลื่น Monopolar RF ในการรักษา ชั้นหนังแท้ และชั้นไขมันใต้ชั้นผิว เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย ไขมันสะสมใต้ชั้นผิวมีริ้วรอยรอบดวงตา
- จะเห็นได้ว่าทั้งสองโปรแกรม มีหลักการทำงานที่คล้ายกัน เนื่องจากการใช้คลื่นพลังงานในการรักษาที่เป็นคลื่นเดียวกัน แต่ Thermage FLX จะเป็นโปรแกรมยกกระชับที่ไม่มีการสลับพลังงานความร้อน และความเย็นในการรักษาเหมือนกับ Oligio
7. Oligio ต่างจาก Ulthera SPT อย่างไร ?
- Oligio ใช้คลื่น Monopolar RF ในการรักษา จะทำงานบริเวณผิวหนังชั้นหนังแท้ และชั้นไขมันใต้ชั้นผิว เหมาะกับผู้ที่มีไขมันสะสมใต้ผิว มีแก้ม เหนียง คาง 2 ชั้น ต้องการลดไขมัน และต้องการให้ผิวแน่นกระชับ กรอบหน้าไม่ชัด มีริ้วรอยรอบดวงตา
- Ulthera SPT ใช้คลื่น Micro Focused Ultrasound With Visualization (MFU-V) ในการรักษาจะทำงานในบริเวณผิวหนังชั้นกล้ามเนื้อส่วนบน และชั้น SMAS เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย กรอบหน้าไม่ชัด ไม่ต้องการผ่าตัดดึงหน้า มีจอแสดงผลทำให้เห็นถึงความแม่นยำในการรักษา
- จะเห็นได้ว่า ทั้งสองโปรแกรมยกกระชับจะทำงานกันคนละชั้นผิว ใช้คลื่นพลังงานในการรักษาที่แตกต่างกัน สามารถทำการรักษาทั้งสองโปรแกรมยกกระชับร่วมกันได้ เพื่อผลลัพธ์ในการรักษาที่ได้ผลลัพธ์ในการยกกระชับที่ดีที่สุด อีกทั้งยังเป็นการยกกระชับใบหน้าอย่างทั่วถึงทุกชั้นผิว ทำให้หลังจากทำการยกกระชับทั้งสองเครื่องร่วมกันจะเป็นการช่วยในการยกกระชับ และยังชะลอการหย่อนคล้อยได้อีกด้วย
8. Oligio ต่างจาก Morpheus 8 อย่างไร ?
- Oligio ใช้คลื่น Monopolar RF ในการรักษา จะทำงานบริเวณผิวหนังชั้นหนังแท้ และชั้นไขมันใต้ชั้นผิว เหมาะกับผู้ที่มีไขมันสะสมใต้ผิว มีแก้ม เหนียง คาง 2 ชั้น ต้องการลดไขมัน และต้องการให้ผิวแน่นกระชับ กรอบหน้าไม่ชัด มีริ้วรอยรอบดวงตา
- Morpheus 8 ใช้คลื่น RF ในการรักษา จะทำงานบริเวณ ชั้นผิวหนังแท้ เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย และริ้วรอย รูขุมขนกว้าง
- จะเห็นได้ว่า ทั้งสองโปรแกรมยกกระชับใช้พลังงานในการรักษาที่แตกต่างกัน จึงทำให้ทำงานกันคนละชั้นผิวอย่างชัดเจน โดย Morpheus 8 จะสามารถกระตุ้นคอลลาเจน รวมทั้งลดริ้วรอยร่องลึก ลดไขมันส่วนเกิน ลดแก้ม เหนียง คาง 2 ชั้นได้น้อยกว่า Oligio แต่ Morpheus 8 จะช่วยในการปรับผิวให้เรียบเนียน และรักษารอยแผลเป็นได้มากกว่า Oligio แนะนำให้ทำร่วมกันทั้ง 2 โปรแกรมเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการยกกระชับ
9. Oligio ต่างจาก Ultrafomer MPT อย่างไร ?
- Oligio ใช้คลื่น Monopolar RF ในการรักษา จะทำงานบริเวณผิวหนังชั้นหนังแท้ และชั้นไขมันใต้ชั้นผิว เหมาะกับผู้ที่มีไขมันสะสมใต้ผิว มีแก้ม เหนียง คาง 2 ชั้น ต้องการลดไขมัน และต้องการให้ผิวแน่นกระชับ กรอบหน้าไม่ชัด มีริ้วรอยรอบดวงตา
- Ultrafomer MPT ใช้คลื่น Macro and Micro Focused Ultrasound (MMFU) ในการรักษาโดยสามารถปล่อยพลังงานลงชั้นผิวได้ถึงชั้น SMAS เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ คิ้ว หรือหางตาตก รูขุมขนกว้าง ไม่กระชับ มีริ้วรอยร่องลึก
- โดย Ultrafomer MPT จะสามารถทำการลดไขมันสะสมบนใบหน้า เหนียงใต้คางสองชั้น ได้น้อยกว่า Oligio แต่ช่วยกระชับความหย่อนคล้อยได้มากกว่า จึงเหมาะเป็นอย่างยิ่งหากจะทำการรักษาร่วมกันกับ Oligio จะได้ให้ผลลัพธ์ในการยกกระชับ ลดไขมันบริเวณใบหน้าในแบบครบรูปแบบ และได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
10. Oligio ต่างจาก Volnewmer อย่างไร ?
- Oligio ใช้คลื่น Monopolar RF ในการรักษา จะทำงานบริเวณผิวหนังชั้นหนังแท้ และชั้นไขมันใต้ชั้นผิว เหมาะกับผู้ที่มีไขมันสะสมใต้ผิว มีแก้ม เหนียง คาง 2 ชั้น ต้องการลดไขมัน และต้องการให้ผิวแน่นกระชับ กรอบหน้าไม่ชัด มีริ้วรอยรอบดวงตา
- Volnewmer ใช้คลื่น Monopolar RF โดยความเย็นของโปรแกรมยกกระชับชนิดนี้จะใช้น้ำในการหล่อเลี้ยงซึ่งอาจจะมีความไม่เสถียรอยู่บ้าง และจะทำการรักษาที่ชั้นหนังแท้ และชั้นไขมันใต้ชั้นผิว เหมาะกับผู้ที่ผิวไม่ตึง มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย เริ่มมีริ้วรอย กรอบหน้าไม่ชัด
- ถึงแม้จะใช้พลังงานเช่นเดียวกัน ในการรักษาจะมีส่วนผลลัพธ์ที่แตกต่างกันในบางส่วน และ Oligio จะมีความเสถียรในการทำความเย็นที่น้อยกว่า อีกทั้ง Volnewmer จะมีราคาที่สูงกว่า
11. Oligio ต่างจาก Sylfirm อย่างไร ?
- Oligio ใช้คลื่น Monopolar RF ในการรักษา จะทำงานบริเวณผิวหนังชั้นหนังแท้ และชั้นไขมันใต้ชั้นผิว เหมาะกับผู้ที่มีไขมันสะสมใต้ผิว มีแก้ม เหนียง คาง 2 ชั้น ต้องการลดไขมัน และต้องการให้ผิวแน่นกระชับ กรอบหน้าไม่ชัด มีริ้วรอยรอบดวงตา
- Sylfirm ใช้คลื่น RF Microneedling System ในการรักษา โดยจะส่งพลังงานลงสู่ชั้นผิวชั้นหนังแท้ เหมาะกับผู้ที่มีผิวไม่กระชับ รูขุมขนกว้าง มีริ้วรอย และเน้นไปทางสีผิว
- จะเห็นได้ว่าทั้งสองโปรแกรมทำงานต่างกันทั้งตัวคลื่นพลังงานที่ใช้ในการยิง การรักษา รวมทั้งผลลัพธ์หลังการรักษา หากทำการรักษาร่วมกันทั้งสองเครื่องจะให้ผลลัพธ์ที่ให้ทั้งใบหน้ายกกระชับ และผิวกระจ่างใสไร้ริ้วรอย รวมทั้งมีผิวหน้าที่ดีมากยิ่งขึ้นด้วย
12. Oligio ต่างจาก Emface อย่างไร ?
- Oligio ใช้คลื่น Monopolar RF ในการรักษาจะทำงานบริเวณผิวหนังชั้นหนังแท้ และชั้นไขมันใต้ชั้นผิว เหมาะกับผู้ที่มีไขมันสะสมใต้ผิว มีแก้ม เหนียง คาง 2 ชั้น ต้องการลดไขมัน และต้องการให้ผิวแน่นกระชับ กรอบหน้าไม่ชัด มีริ้วรอยรอบดวงตา
- Emface ใช้คลื่น RF + HIFES ในการรักษา และจะทำการยกกระชับถึงชั้นกล้ามเนื้อ จึงทำให้เหมาะเป็นอย่างยิ่งที่จะทำกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสภาพกล้ามเนื้อ และผิว กลัวเจ็บ กลัวการผ่าตัด กลัวเข็ม
- ทั้งสองโปรแกรมเป็นโปรแกรมยกกระชับที่ทำการรักษากันคนละแบบ พลังงานลงชั้นผิวกันคนละชั้น สามารถทำร่วมกันได้ เนื่องจากเป็นโปรแกรมยกกระชับเหมือนกันที่ทำงานที่ชั้นผิวที
Comments on “Oligio ยกกระชับคืออะไร ? ลดไขมัน ได้อย่างไร ? สร้างงานผิวได้ยังไง ?”